วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เล็กๆ น้อยๆ กับคำสั่ง Command Prompt ที่เกี่ยวกับ Internet

สำหรับปัจจุบันนี้น้อยคนนักที่ใช้คอมพิวเตอร์และไม่รู้จัก อินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่จะใช้เป็นอยู่แล้วในการท่องโลกออนไลน์? แต่มีไม่มากนักที่จะรู้ว่าเมื่อเราใช้อินเตอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แล้วเกิดปัญหาล่าช้าหรือเข้าไม่ได้ จะใช้คำสั่งใดๆ ตรวจสอบความผิดผลาดของการสือสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ของเรากับเว็บไซต์ที่ จะต้องการเข้าไปใช้บริการ
วันนี้ผมจะมาบอกกล่าวคำสั่ง ในการตรวจสอบเส้นทางสื่อสารของอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ น้องๆ สักเล็กน้อย
คำสั่งที่จะกล่าวนี้จะต้องใช้ใน Command Prompt ซึ่งเราสามารถเปิดหน้าต่าง ??Command Prompt ได้ดังนี้
-พิมพ์ cmd ลงในช่องว่างของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
หรือ
-กดคีย์โลโก้ Windows + R พิมพ์ พิมพ์ cmd ลงในช่องว่าง Open แล้วกดคีย์ Enter
คำสั่ง
Ping เป็นการทดสอบว่าเส้นทางสื่อสารจากเครื่องที่ใช้อยู่ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องอื่นในเครือข่าย? ว่ายังใช้การได้อยู่หรือไม่ โดยสามารถพิมพ์ชื่อเครื่อง หรือหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ต้องการทดสอบ หรือเว็บไซต์ที่ต้องการทดสอบก็ได้ Ping สามารถประมาณเวลาเดินทางโดยเฉลี่ยของข้อมูลไปกลับ โดยคำนวณจากช่วงเวลาและอัตราเร็วในการตอบรับ เป็นหน่วยมิลลิวินาที และอัตราการสูญเสียข้อมูลระหว่างโฮสต์เป็นเปอร์เซ็นต์
รูปแบบคำสั่ง
ping 122.155.17.132 (เป็นการทดสอบเส้นทางระหว่างเครื่องที่เราใช้กับ เครื่องที่มี ?IP 122.155.17.132)
ping www.notebookspec.com (เป็นการทดสอบเส้นทางระหว่างเครื่องที่เราใช้กับเว็บไซต์ www.notesbookspec.com)

ip_address_01
ผลของการใช้คำสั่งนี้ตามตัวอย่างรูปภาพ หมายถึงการสื่อสารระหว่างเครื่องที่เราใช้กับเครื่องหรือเว็บไซต์? ปกติดีเครือข่ายระหว่างเครื่องทั้งสองนั้นเชื่อมต่อกันสมบูรณ์แล้ว
คำว่า 0% loss หมายความว่าเส้นทางสื่อสารไม่มีการสูญหายของข้อมูลเลย (ดี) นอกจากนี้ ยังแสดงถึง เวลาที่ข้อมูลใช้ในการวิ่งไปยัง ?www.google.com ?มี 3 ค่า คือค่าต่ำสุด ค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด จากการทดสอบจำนวน ?4 ครั้ง โดยมีหน่วยเป็น ?ms (เศษหนึ่งส่วนพันวินาที)

nslookup เป็นการตรวจสอบ ว่าหมายเลข IP Address อันนี้เป็นของเว็บไซต์อะไร หรือว่าสามารถใช้ในทางกลับกันว่า เว็บไซต์นี้มีหมายเลข IP Address อะไร
รูปแบบคำสั่ง
nslookup 64.233.181.106 (ตรวจสอบว่า IP Address นี้เป็นของเว็บไซต์อะไร)
nslookup www.google.com (ตรวจสอบว่าเว็บไซต์นี้มี IP Address อะไร)
จุดสังเกตุเสันทางที่ตรวจสอบนี้จะต้องวิ่งผ่าน Server ตลอด นั้นก็คือ ISP ที่เราใช้บริการอยู่ (ในที่นี่ได้แก่ asianet.co.th หรือ 203.144.207.49)
ip_address_02
netstat เป็นการตรวจสอบการเชื่อมต่อจากที่ต่างๆออกมา ทั้งหมดออกมาไม่ว่าจะมา จาก protocol TCP, UDP, ICMP และอื่นๆ รวมไปถึงหมายเลข Port และ IP ของผู้ติดต่อมาที่เครื่องของเรา
รูปแบบคำสั่ง
netstat
ip_address_03
ค่าที่แสดงออกมาในการตรวจสอบ มีความหมายดังนี้
  • Proto คือ Protocol ที่กำลังใช้งานอยู่จะมี TCP และ UDP เป็นหลัก
  • Local Address (ค่า IP หรือชื่อเครื่อง: port ที่ใช้งานอยู่) คือจะแสดง หมายเลข IP ของเรา (ในที่นี้เป็นชื่อเครื่อง) และ port ที่ืั้กำลังใช้งานอยู่
  • Foreign Address (ค่า IP หรือชื่อเครื่อง: Port ที่ใช้ติดต่ออยู่): อันนี้จะแสดงชื่อหรือ IP address
    ของเครื่องที่เรากำลังติดต่ออยู่ด้วย และหมายเลข Port ที่เราใช้เชื่อมต่อนั้นๆ
  • State คือ สถานะของการเชื่อมต่อของ netstat นั้นๆจะมีอยู่ด้วยกัน 4 สถานะหลักๆได้แก่
Established เป็นสถานะที่บอกว่าเครื่องนั้นๆได้เกิดการเชื่อมต่อกับ IP address ปลายทางด้วย port หมายเลขนั้นแล้ว ซึ่งสถานะนี้เป็นสถานะที่เกิดได้ทั่วไปเพราะการเชื่อมต่อใน internet นั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราควรตรวจสอบให้ดีเพราะมีบาง port ที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะมีการเชื่อมต่ออยู่ เช่น port 23 ซึ่งเป็น port ของ telnet ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนั้นไม่มีใครใช้กันสักเท่าไรและที่สำคัญอีกอย่างสำหรับ สถานะ Established ก็คือควรตรวจสอบก่อนว่าเราไม่ได้ connect ไปหาIP address แปลกๆเข้าให้เพราะว่าบางที่นั้นอาจเป็นเพราะว่าในเครื่องของเราลักลอบติดต่อ ไปด้วยโปรแกรมอันตรายอย่าง Trojan อยู่ก็เป็นไปได้
Time_wait คือสถานะที่รอการเชื่อมต่อกลับมาอยู่หรือถ้าเราจะมองในแง่ร้ายสุดๆ ก็คือโดน scan port อยู่
Listening คือยังไม่มีเครื่องใดติดต่อมาหรือว่ากำลังรอการเชื่อมต่ออยู่นั้นเอง
Close_wait คือปิดการเชื่อมต่อปกติจะไม่พบมากสำหรับสถานะนี้และสถานะอื่นๆที่อาจพบได้แก่ SYN_SENT , FIN_WAIT เป็นต้น

tracert จะมีลักษณะการใช้งานคล้ายกับการ ping แต่แตกต่างกันตรงที่ ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะเป็นเส้นทางที่ใช้ไปยังสถานที่นั้น ว่าได้ผ่านไปที่ใดบ้าง จนกว่าจะถึงปลายทาง มีประโยชน์มากในกรณีที่วงจรสื่อสารเกิดความขัดข้อง เราสามารถทดสอบดูว่าเกิดความขัดข้องที่จุดใดนั่นเอง
รูปแบบคำสั่ง
tracert www.google.com (จะใช้เป็นชื่อเว็บไซต์หรือ IP Address ก็ได้)
tracert 122.155.17.132
ip_address_04
ผลลัพธ์ของการตรวจสอบจะแสดงเส้นทางต่าง ๆ ว่าผ่านไปที่ใดบ้างก่อนถึง ?www.notebookspec.com ซึ่งจะแสดงรายการเว็บไชต์ต่างๆ ที่เป็นทางผ่านโดยมีตัวเลขลำดับของเว็บไซต์และรายละเอียดต่อท้ายจนกระทั้ง แจ้งข้อความว่า Trace complete ก็เป็นอันสิ้นสุดของเส้นทาง ในกรณีที่ขึ้นเครื่องหมาย?? *?? แสดงว่าเส้นทางนั้นขาด? หรือขัดข้อง

ipconfig เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเรียกดูหมายเลข IP Address ของเครื่องที่เราใช้งานอยู่ ?ซึ่งถ้าหากเราไม่ทราบว่าหมายเลข IP Address ของเครื่องที่เราใช้งานอยู่นั้นเป็นหมายเลขอะไรหรือมีรายละเอียดอะไรที่ เกี่ยวข้องกับหมายเลข IP Address บ้าง ก็สามารถใช้คำสั่งนี้เรียกดู

รูปแบบคำสั่ง
ipconfig (ถ้ามี option เพิ่มก็จะมีรูปแบบนี้ ipconfig /x )
ip_address_05
นอกจากนี้ยังมี option คำสั่งเพิ่มเติมที่นิยมใช้ร่วมกับคำสั่ง ?ipconfig ?ได้แก่
/? แสดง help ของคำสั่งนี้
/all แสดงรายละเอียดทั้งหมด
/release ยกเลิกหมายเลข IP ปัจจุบัน
/renew ขอหมายเลข IP ใหม่ ในกรณีที่เน็ตเวิร์คมีปัญหา เราอาจจะลองตรวจสอบได้โดยการใช้คำสั่งนี้ ซึ่งหากคำสั่งนี้ทำงานได้สำเร็จ แสดงว่าปัญหาไม่ได้มาจากระบบเครือข่าย แต่อาจจะเกิดจากซอฟท์แวร์ของเรา

http://notebookspec.com/web/?p=50958

ตรวจสอบ name server โดยใช้คำสั่ง nslookup



หลายคนที่ใช้ linux หรือ windows ที่ทำงานเกี่ยวกับเครือข่าย อาจจะเคยใช้คำสั่งนี้ nslookup คือคำสั่ง (coommand) ที่ใช้ในการตรวจสอบ Domain Name ด้วยโปรแกรม Command prompt หรือโปรแกรม Dos ครับ ซึ่งเอาไว้ทดสอบว่าโดเมนเนมนี้ตรงกับหมายเลขไอพีแอดรสอะไร  และยังสามารถตรวจสอบได้ว่า DNS ที่เราใช้อยู่ยังให้บริการได้อยู่หรือไม่ เพราะหาก DNS ไม่สามารถให้บริการเป็นปกติจะไม่สามารถทำการแปลงจากไอพีแอดเดรสเป็นชื่อได้ (resolve ไม่ได้)
สำหรับคำสั่ง nslookup สามารถใช้ได้ทั้ง Windows และ Unix ครับ
การใช้งานบน windows สามารถใช้คำสั่งนี้บนโปรแกรม dos ครับ โดยอันดับแรกก็เปิด Dos เลยครับ 
1. คลิก Start Menu ของ windows แล้วเลือกเมนู Run จากนั้นพิมพ์ cmd แล้วกด ok
2. เมื่อเข้าสู่โปรแกรม Dos แล้วก็พิมพ์คำสั่ง nslookup เพื่อเข้าสู่โปรแกรม nslookup ได้เลยและสามารถทำตามในกรณีที่ใช้ linux ได้เลย  ในกรณีนี้ขอใช้บน linux unix หรือ terminal on MAC  โดยใช้คำสั่งดังนี้
ตรวจสอบ domain ของวิทยาเขตฯ เช่น www.csc.ku.ac.th ว่ามี ip address อะไร
psansri$ nslookup 
> www.csc.ku.ac.th
Server: 192.168.1.1
Address: 192.168.1.1#53
Non-authoritative answer:
Name: www.csc.ku.ac.th
Address: 158.108.104.12
ตรวจสอบ google.com ครับ
> www.google.com
Server: 192.168.1.1
Address: 192.168.1.1#53
Non-authoritative answer:
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.29
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.54
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.34
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.44
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.49
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.59
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.24
Name: www.google.com
Address: 118.174.24.39
กรณีต้องการตรวจสอบการทำงาน ของ mail exchange หรือ domain mail ต้องเปลี่ยน type ก่อนครับ
> set type=mx
> mail2.csc.ku.ac.th
Server: 192.168.1.1
Address: 192.168.1.1#53
Non-authoritative answer:
mail2.csc.ku.ac.th mail exchanger = 30 mail2.csc.ku.ac.th.
กรณีต้องการทราบว่ามีเครื่องใดบ้างให้บริการ mail ใน domain csc.ku.ac.th
> csc.ku.ac.th
Server: 192.168.1.1
Address: 192.168.1.1#53
Non-authoritative answer:
csc.ku.ac.th mail exchanger = 20 mail.csc.ku.ac.th.
csc.ku.ac.th mail exchanger = 30 mail2.csc.ku.ac.th.
csc.ku.ac.th mail exchanger = 40 mail3.csc.ku.ac.th.
csc.ku.ac.th mail exchanger = 50 mail4.csc.ku.ac.th.
จากที่เราทำมาเป็นการใช้งาน  name server ของเรา หากต้องการทดสอบกับ name server ของ google สามารถทำได้โดย
> server 8.8.8.8
Default server: 8.8.8.8
Address: 8.8.8.8#53
> www.csc.ku.ac.th
Server: 8.8.8.8
Address: 8.8.8.8#53
Non-authoritative answer:
Name: www.csc.ku.ac.th
Address: 158.108.104.12
สำหรับคำสั่งอื่นสามารถดู Help ได้ด้วยพิมพ์ ?
แถมนิดครับ 
The Google Public DNS IP addresses (IPv4) are as follows:
  • 8.8.8.8
  • 8.8.4.4
The Google Public DNS IPv6 addresses are as follows:
  • 2001:4860:4860::8888
  • 2001:4860:4860::8844
 ข้อมูล Google Public DNS IP addresses จาก  https://developers.google.com/speed/public-dns/docs/using

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

แจกหนังสือ "มือถือในมือเด็ก" ฟรีครับ


mobile_childen
mobile_childen2สถาบัน ดูแลผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. ครับ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านคุ้มครองสิทธิ์ของผู้บริโภคทั้งหลายในเรื่อง มือถือ หรือ Internet ผลงานที่เห็นกันเยอะๆหน่อยก็ ระบบ Speedtest ที่ http://www.speedtest.or.th น่ะแหละครับ
แต่ พอดีตอนประชุมเสร็จ ผมดันไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจมาก มันชื่อว่า มือถือในมือเด็กเป็นหนังสือที่ให้ความรู้กับทั้งเด็กๆ และ ผู้ปกครองเกี่ยวกับการมีโทรศัพท์มือถือในครอบครอง ว่า น้องๆ หนูๆ ควรมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองหรือยัง หรือถ้าจำเป็นต้องมี จะต้องมีวิธีการดูแลโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างไร ผมลองอ่านดูแล้วมีประโยชน์มาก แถมเป็นหนังสือการ์ตูนด้วย น้องๆหนูๆ น่าจะอ่านง่าย เข้าใจง่าย เลยขอทาง สบท มาแจกในรายการ แบไต๋ ไฮเทค ประจำ 20 เล่ม แต่ว่า...

ทาง สบท บอกว่า หนังสือเหล่านี้ "แจกฟรี" ครับ ใครอยากได้ก็ส่งอีเมล์หรือ โทรติดต่อไปยัง สบท ตามที่อยู่ข้างล่างนี่เลยครับ




กลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บรืโภคในกิจการโทรคมนาคม

สำนักงาน กสทช

สำนักงาน กสทช
โทร 02-634-6122
อีเมล์ tci.tcimedia@gmail.com

ส่งที่อยู่ในการจัดส่งไปได้เลยนะครับ เห็นว่าพิมพ์มาแค่ 10,000 เล่มเท่านั้นเองครับ

หรือ สำหรับใครที่อยากจะอ่านเลยแบบ PDF ก็ดาวน์โหลดที่นี่เลยครับ  http://bit.ly/mobileforkids

Download

Description : แจกหนังสือ "มือถือในมือเด็กฟรีคร้าบ"


ที่มาของข่าว : http://www.freeware.in.th/blog/3569

รู้ทันแฮกเกอร์กับ password ต้องห้าม


กรณีศึกษาจากคนดัง สู่การปรับและเปลี่ยนเพื่อป้องกันทวิตเตอร์และโปรแกรมในโซเชียลมีเดียของคุณจากการถูก"แฮก"
       
ocsallnews
การแฮกทวิตเตอร์ของผู้มีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องใหม่

แม้ แต่ทวิตเตอร์ของบารัค โอบามา (@barackobama)ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาก็เคยถูกเจาะมาแล้ว และเมื่อเดือนก่อนทวิตเตอร์ของสำนักข่าว NBC (@NBCNews)ของอเมริกาก็เพิ่งถูกแฮกโดยแฮกเกอร์นาม The Script Kiddies ที่โพสต์ข้อความเบรกกิ้งนิวส์สร้างความตื่นตระหนกว่า กราวด์ซีโร่(จุดที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดถล่ม)ถูกพุ่งชนโดยเที่ยวบิน 5736 และคาดว่าเกิดจากการจี้เครื่องบิน โดยกรณีนี้เอฟบีไอถึงกับต้องเข้ามาสืบสวนสอบสวน

ไม่ เพียงเท่านั้น ทวิตเตอร์ของสำนักข่าว Fox (@foxnewspolitics) ก็เคยถูกแฮกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาและแฮกเกอร์โพสต์ข้อความว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ถูกสังหารในวันชาติอเมริกาพอดี!

สาเหตุที่การแฮกโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ผู้มีชื่อเสียงและสื่อแพร่ระบาดไปทั่วโลก

เพราะ โซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่ในปีนี้มีผู้ใช้พุ่งสูงถึง 200 ล้านคนทั่วโลก เพราะเป็นช่องทางการส่งผ่านข่าวสารจากอีกฟากโลกหนึ่งไปอีกฟากโลกหนึ่งได้ใน เวลาไม่กี่วินาที ผ่านการ “รีทวีต” ซึ่งเป็นเหมือนดาบสองคม เพราะหากข้อความนั้นไม่ถูกต้องก็เป็นการสร้างความวุ่นวายให้ทั้งโลกภายใน ชั่วพริบตา

ที่สำคัญวิธีการ แฮกทวิตเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยสามารถแฮกได้หลายวิธี เช่น การแฮกโดยสุ่มพาสเวิร์ด การแฮกโดยใช้อีเมลปลอม การส่งโทรจันมาในอีเมลเพื่อล้วงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ รวมถึงความประมาทของผู้ใช้ที่ล็อกอินไว้ในอุปกรณ์ต่างๆ หรือให้พาสเวิร์ดกับหลายคนอย่างกรณีนายกฯหรือดาราสาวชมพู่-อารยาที่มีปัญหา กับเพื่อนร่วมวงการเพราะมีผู้โพสต์ข้อความกระทบคู่กรณีโดยใช้แอคเคาท์ของเธอ
   
  
  
ส่วนวิธีป้องกันทวิตเตอร์ให้ปลอดภัย ทีมงานทวิตเตอร์แนะนำการป้องกันแอคเคาท์ง่ายๆ

คือ ตั้งทวิตเตอร์ให้เป็นส่วนตัว โดยการล็อกอิน จากนั้นไปที่ Setting ซึ่งอยู่ขวาบนของหน้าจอ คลิกที่ช่อง Protect my Tweets แล้วกดเซฟ การป้องกันนี้จะทำให้ผู้ติดตาม(Follwing)เท่านั้นที่จะเห็นข้อความที่คุณทวิ ต ดังนั้นคนที่ไม่ได้ติดตามคุณจะไม่เห็นข้อความและรีทวีตข้อความไม่ได้ ผู้ที่ต้องการติดตามคุณ(Follow)ต้องส่งคำร้องให้คุณอนุญาตก่อนจึงจะติดตาม ได้ และจะไม่แสดงผลแอคเคาท์ของคุณในการค้นหา

แต่หากเป็นบุคคลสาธารณะหรือผู้ใช้ที่ต้องการแบ่งปันข้อมูลทำให้ต้องเปิดแอคเคาท์เป็นสาธารณะย่อมเสี่ยงในการถูกแฮก

แต่ ก็มีวิธีป้องกันความเสี่ยงนั้นได้ โดยการตั้งพาสเวิร์ดที่ยากๆ โดยพาสเวิร์ดที่ดีควรมีทั้งตัวเลข สัญลักษณ์ และอักษรภาษาอังกฤษทั้งตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่รวมกัน ควรมีความยาวตั้งแต่ 12-14 ตัวอักษรและเปลี่ยนพาสเวิร์ดบ่อยๆ ส่วนพาสเวิร์ดที่นิยมใช้อันดับ 1 คือ “123456 “ส่วน “password”,”qwerty”และบรรดาตัวเลขต่างๆ ทั้ง 2222,1111,77777 รวมถึงวันเกิด ชื่อ และชื่อสัตว์เลี้ยงของผู้ใช้ ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน หากแอคเคาท์ของคุณใช้พาสเวิร์ดพวกนี้ก็ควรเปลี่ยนโดยด่วน

อีก วิธีการ ป้องกันคือ อย่ากดให้คอมพิวเตอร์จำพาสเวิร์ด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์สาธารณะ อย่ากดเปิดอีเมลต้องสงสัยเพราะอาจมีไวรัสแฝงมา อย่าตั้งพาสเวิร์ดเดียวกันหมดสำหรับเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือโปรแกรมอื่นๆ ในโซเชียลมีเดีย เพราะหากถูกแฮกไปหนึ่งโปรแกรม โปรแกรมที่เหลือก็ยากที่จะรอด ที่สำคัญต้องจำกัดวงผู้ที่จะล็อกอินได้ หากมีปัญหาจะได้ทราบว่าเกิดจากใคร โดยวิธีการป้องกันนี้สามารถใช้ได้กับโปรแกรมในโซเชียลมีเดียทั้งหมด

และ การแก้ปัญหาแบบวัวหายแล้วล้อมคอก แต่ไม่ทำให้ผู้ใช้ช้ำใจมากนักหากถูกแฮกคือ การแบ็คอัพข้อมูลที่ทวิตไป โดยโปรแกรมต่างๆ เช่นTwistory,BackupmyTweets,TweeTakeและTweetBackup หากถูกแฮกไปจริงๆ จะได้มีข้อมูลเหลืออยู่

สุด ท้ายขึ้นอยู่กับผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้ง หมด ที่ต้อง“คิดก่อนเผยแพร่” เพราะข่าวสารในโซเชียลมีเดียกระจายออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าสื่อหลักหลายเท่า แต่เรื่องความถูกต้องยังเป็นที่น่าสงสัย เช่น ข่าวเขื่อนแตกที่มีคนทวิตไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้นหากเห็นข้อความที่ผิดปกติก็อย่าเพิ่งรีทวีตหรือส่งต่อ เพราะหนึ่งคลิกของคุณอาจทำให้สังคมวุ่นวายได้

      
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วิเคราะห์เทียบสเปค iPhone 4s กับ iPhone 4


002

ไวรัสแอนดรอยด์พุ่ง มือถือเสี่ยงโดนเจาะ


Andriod420X300
 ไวรัส...ที่่ จ้องเล่นงานโมบายโอเอสตัวนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งความเลวร้ายของพวกมันก็จะมีตั้งแต่ทำลายข้อมูลไปจนถึงขโมยข้อมูลส่วนตัว จากสมาร์ทโฟน Android ของคุณ ประเด็นคือ นับวันพวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่สมาร์ทโฟนของคุณจะถูกโจมตีเพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเอง Juniper Networks รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของมัลแวร์ (malicious software) พุ่งขึ้นไปสูงถึง 472% หรือมีการตรวจพบโปรแกรมมัลแวร์ที่แพร่กระจายให้ดาวน์โหลดมากถึง 10,000 ตัวเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน McAfee หนึ่งในบริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยยังได้จัดทำรายงานล่าสุดที่ ระบุว่า ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาระบบปฏิบัติการโมบาย Android กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากทีสุดสำหรับ"มัลแวร์"ใหม่ๆ กล่าวโดยสรุปก็คือ Android กลายเป็นเป้าหมายหลักของ"มัลแวร์"ใหม่ๆ ที่ต้องการโจมตีอุปกรณ์โมบายนั่นเอง ตัวอย่างล่าสุด เมื่อช่วงเดือนมีนาคม มัลแวร์ที่ชื่อว่า DroidDream (หรือ Myournet) ได้แพร่กระจายไปติดยังสมาร์ทโฟน Android ของผู้ใช้มากกว่า 50,000 ราย
อย่าง ไรก็ดี รายงานข่าวนี้ไม่ได้ต้องการขู่ใหัคุณผู้อ่านรู้สึกหวาดกลัว แต่ต้องการให้ข้อมูลว่า การแพร่กระจายมัลแวร์บนแพลตฟอร์ม Android เป็นเรื่องจริง และปัญหานี้กำลังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่เป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนไม่ควรประมาท เพราะคุณก็อาจจะโดนมันเล่นงานโดยไม่รู้ตัวได้เช่นเดียวกัน ส่วนมัลแวร์ และไวรัสสามารถสร้างความเสียหายอะไรได้บ้างนั้น โดยทั่วไปจะมีรายละเอียดดังนี

  • ขโมยข้อมูลส่วนตัวอย่างเช่น รหัสบัญชีธนาคาร, อีเมล์แอดเดรส ฯลฯ จากสมาร์ทโฟน
  • ลบข้อมูลในสมาร์ทโฟนของคุณ อย่างเช่น อีเมล์ทุกฉบับใน Gmail เป็นต้น
  • ลักลอบ หรือดักฟังข้อมูลการสื่อสารของคุณ (บันทึก และส่งเป็นไฟล์ออดิโอให้แฮคเกอร์)
  • ส่งสแปม หรือข้อความด้วยชื่อของคุณทำให้สมาร์ทโฟนของคุณหยุดทำงาน หรือใช้การไม่ได้ที่เรียกว่า Brickingประเด็นคือ มัลแวร์ และไวรัสสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนของคุณได้หลากหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่มักจะมาในรูปของแอพฯที่คุณดาวน์โหลด โดยแฮคเกอร์จะใช้กลลวงด้วยการสร้างแอพฯ Android ที่ดูเหมือนของจริง (cloning app) หรือมีความน่าเชื่อถือ แต่ความจริงแล้วมันมีการทำงานที่น่ากลัวซุกซ่อนอยู่ภายใน เมื่อคุณติดตั้ง และสั่งรันแอพฯ (มัลแวร์ หรือไวรัส) พวกนี้บนสมาร์ทโฟน มันก็จะเล่นงานคุณด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังที่กล่าวไปแล้วนั่นเอง
     สำหรับการป้องกันตนเอง ประการแรก และง่ายสุดเลย ที่ใช้สมาร์ทโฟน Android ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอพฯทีมีความเสี่ยง เช่น แอพฯ จากเว็บไซต์ของบริษัทที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีชื่อเสียง นอกจากนี้แอพฯ ที่ได้รับการจัดอันดับต่ำๆ รวมถึงมีจำนวนการดาวน์โหลดน้อยมากๆ พึงระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม นอกจากการติดไวรัส หรือโดนมัลแวร์เล่นงานด้วยวิธีนี้แล้ว มันยังมีวิธีอื่นด้วยเช่น การท่องเว็บบนสมาร์ทโฟนแล้วเผลอ หรือโดนหลอกให้คลิกลิงค์ที่ดาวน์โหลดแอพฯมัลแวร์ ซึ่งรวมถึงลิงค์ที่มากับอีเมล์ของแฮคเกอร์ด้วย ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้โจมตีผู้ใช้พีซี ในกรณีที่พบเห็นไอคอนของแอพฯที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ให้คุณรีบถอดโปรแกรมออกไป โดยคุณสามารถถอดถอดแอพฯ บน Android ได้โดยสมบูรณ์ผ่านทาง Manage Application Settings ใน Applications Option อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันด้วยวิธีหลีกเลี่ยง หรือระวังในแง่ของการใช้งานก็คือ การติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส และมัลแวร์อย่างเช่น MyLookout เข้าไปในสมาร์ทโฟน


ที่มาของข่าว : http://www.android.com/

ระวังภัย มัลแวร์ใน Android ในรูปแบบของแอนตี้ไวรัส AVG ปลอม


malware420
ไทยเซิร์ตได้รับรายงานมัลแวร์ที่ทำงานบน ระบบปฏิบัติการ Android เผยแพร่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ในการโจมตีผู้ไม่ประสงค์ดีจะหลอกผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้เปิดหน้าเว็บไซต์ ธนาคารปลอม ซึ่งในหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีการปรับแต่งให้เสมือนว่าเป็นหน้าของเว็บไซต์ จริงทั้งหมด รวมถึงมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานดาวโหลดแอปพลิเคชันแอนตี้ไวรัสที่ชื่อว่า AVG ได้ฟรี โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นแอปพลิเคชันปลอมที่ผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างขึ้นมา เลียนแบบแอปพลิเคชันแอนตี้ไวรัสของ AVG และมีวัตถุประสงค์เพื่อขโมยข้อมูล SMS บนโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานที่ติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว
http://avg.<สงวนข้อมูล>.mobi/avg.apk
File Name: avg.apk
File size: 279,115 bytes
MD5: d232f20d95f97147c36ec246c8a140a6
SHA1: 9b165adf118e957ecc50c063ca5bd0013cb9fe2a
Company Related Link :

ThaiCert
Description :


ที่มาของข่าว :  https://thaicert.or.th/alerts/user/2013/al2013us007.html

ทิป iPhone เป็นตัวแชร์สัญญาณ Wireless อีกหนึ่งคุณสมบัติของ iPhone ที่น่าใช้งาน


สำหรับ คนที่ ต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน ขอให้มีสัญญาณ 3G เท่านั้น เราก็สามารถเชื่อมต่อเน็ตได้ แต่ถ้าจะเล่นผ่าน iPhone หรือโทรศัพท์ทั่วไป ก็ดูเหมือนว่าหน้าจอจะเล็กไป ถ้าเล่นชั่วคราวก็ได้ แต่ถ้าเล่นนานๆ คงไม่ไหว ปวดตาเปล่าๆ วันนี้จะมาแนะนำให้เอาโทรศัพท์ iPhone มาเป็นตัวกระจายสัญญาณเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ notebook มาเชื่อมต่อสัญญาณอีกทีหนึ่ง ทำให้เราสามารถเล่นอินเตอร์พร้อมกันได้หลายเครื่องเลย

Tip_Iphone
ทิปนี้ ทดสอบจาก iPhone 4 น่ะครับ ใครสนใจก็ลองทำตามได้เลยครับ

วิธีตั้งค่า iPhone ให้เป็นตัว AP (Access Point)
  1. แตะหัวข้อ Settings
  2. เลือกหัวข้อ General
  3. เลือก ON ที่หัวข้อ Enable 3G
  4. เลือก ON ที่หัวข้อ Cellular Data
  5. จากนั้นที่หัวข้อ Personal Hotspot ให้เลือก ON
  6. จากนั้นในช่อง Wi-Fi Password จะเป็นช่องที่แสดงรหัสผ่านในการเชื่อมต่อสัญญาณ
จากนั้น เราสามารถทดสอบได้โดยการใช้คอมพิวเตอร์ notebook เปิดรับสัญญาณ wireless และเลือกชื่อเครื่อง iPhone ของคุณ และอย่าลืมใส่รหัสผ่านด้วยน่ะครับ แค่นี้เราก็สามารถอินเตอร์เน็ตโดยใช้ iPhone มาเป็นตัวกระจายสัญญาณได้แล้วครับ

คอมพิวเตอร์ Windows 7 ทำไมมันถึงทำงานช้าลงเรื่อยๆ แก้ยังไง?



7_420
ก่อนอื่นต้องแจ้งข้อเท็จจริงให้น้องทราบ ค่ะว่า คอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows จะมีแนวโน้มที่ทำงานช้าลงอยู่แล้ว ดังนั้น คุณควรจะทำอะไรกันบ้างกับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า อย่างไรก็ดี หากไม่ใช่เป็นเพราะเครื่องคอมพ์ของน้องไปโดนไวรัส หรือมัลแวร์เล่นงาน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้วินโดวส์พีซีทำงานช้าลงได้โดยธรรมชาติก็คือ การที่ฮาร์ดดิสก์ไม่ได้รับการกำจัดไฟล์ขยะที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลาทีใช้งานพี ซี
speed-up-windows-7-notebook-2
สำหรับการแก้ไขเบื้องต้นด้วยตนเอง ให้ใช้โปรแกรม Disk Cleanup บน Windows 7 โดยการเรียกใช้งานยูทิลิตี้ตัวนี้ก็คือ คลิกปุ่ม Start ตามด้วย All Programs เลือก Accessories ตามด้วย System Tools แล้วคลิก Disk Cleanup เมื่อทำความสะอาดฮาร์ดดิสก์เสร็จแล้ว โดยทั่วไประบบจะทำงานได้เร็วขึ้นจนสังเกตได้ จากนั้นทำตามขั้นตอนอีกครั้ง แต่คราวนี้เลือกโปรแกรมเป็น Disk Defragmenter เพื่อให้มันจัดระเบียบการบันทึกข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ที่มันกระจัดกระจายไม่ เป็นระเบียบ ทำให้การอ่านข้อมูลช้าลง เชื่อว่า การแก้ไขเบื้องต้นด้วยตนเองทั้งสองวิธีนี้ น่าจะช่วยให้คอมพ์ของหนูรันได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน
speed-up-windows-7-notebook-3


Company Related Link : http://www.arip.co.th
Description :

ที่มาของข่าว : http://tinyurl.com/lvgnxbq

5 ปัญหาเน็ตหลุด สะดุดที่ตรงไหน ตรวจสอบได้ด้วยตัวคุณเอง



internet420

แทนที่จะใช้วิธีกดปุ่ม F5 เพื่อรีเฟรชบราวเซอร์ให้โหลดหน้าเว็บที่อยู่ดีๆ โหลดไม่ขึ้นซะงั้น ซึ่งบางทีปัญหามันไม่ใช่แค่ที่คุณเห็น เพราะการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเทอร์เน็ตไม่ได้มีแค่การต่อสายอี เธอร์เน็ต หรือเปิดสวิตช์ Wireless บนโน้ตบุ๊ก แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย บทความนี้จะแนะนำการตรวจสอบต้นตอของปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในระหว่าง ที่ใช้งาน เพื่อหาสาเหตุ และแก้ไขได้อย่างถูกต้อง แน่นอนว่า สิ่งแรกที่คุณต้องเช็คก่อนเลย เวลาที่เน็ตใช้การไม่ได้ คือ การเชื่อมต่อของฮาร์ดแวร์ เริ่มต้นที่สายเคเบิ้ลที่ต่อกับคอมพ์ ไปจนถึงปลั๊กเสียบเราท์เตอร์ที่ใครอาจเผลอไปเตะมันหลุดแล้วคุณไม่รู้ หรือมีมือดีไปปิดสวิทช์เพราะเห็นมันเปิดนานแล้ว หากการเชื่อมต่อเน็ตของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ปกติดีแล้ว ไม่มีหลุด หรือปิดสวิตช์ แต่อย่างใด ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการตรวจสอบปัญหาการเชื่อมต่อ ซึ่งมีคำสั่ง และวิธีการที่น่าสนใจดังนี้
Ping ดูว่า"เน็ต"ยังอยู่หรือไม่? หาก การเชื่อมต่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ขั้นตอนต่อมาก็คือ การตรวจสอบการเชื่อมต่อของเน็ตจากบ้านคุณด้วยคำสั่ง Ping เริ่มต้นด้วยการเปิดหน้าต่าง command คลิกปุ่ม Start พิมพ์ cmd แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด จากนั้นในหน้าต่าง cmd พิมพ์คำสั่ง ping ตามด้วยชื่อเว็บไซต์่ อย่างเช่น ping arip.co.th หรือ ping google.com เป็นต้น 
internet-connection-problem-3



คำสั่งนี้จะเป็นการบอกให้คอมพิวเตอร์ที่ เชื่อมต่อเน็ตทดลองส่ง แพ็คเก็ตของข้อมูล ไปยังแอดเดรสของเว็บไซต์ที่คุณระบุ ซึ่งทางเว็บเซิร์ฟเวอร์ของ arip หรือ google ก็จะตอบสนองแต่ละแพคเก็ตของข้อมูลที่มันได้รับ โดยจากในภาพข้างบนนี่้จะเเห็นว่า ทุกอย่างทำงานปกติ แพคเก็ตที่รับไม่ได้ (packet loss) มี 0% ในขณะที่เวลาตอบสนองแต่ละแพคเก็ต (time=?ms) ค่อนข้างต่ำ
หากคุณผู้อ่านใช้คำสั่ง Ping แล้วพบว่า packet loss ไม่ใช่ 0% ซึ่งหมายถึง เว็บเซิร์ฟเวอร์ที่คุณติดต่อเข้าไปไม่ตอบสนองแพ็คเก็ตใด แพ็คเก็ตหนึ่งที่ถูกส่งไป นั่นหมายความว่า มันมีปัญหาการเชื่อมต่อกับเน็ตอย่างไม่ต้องสงสัย หรือบางทีเว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาตอบสนองช้ามาก นี่ก็เป็นปัญหาการเชื่อมต่อเหมือนกัน นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดกับเว็บไซต์บางแห่งเท่านั้น (จากในรูปจะเห็นว่า คำสั่ง ping microsoft.com เว็บเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์จะไม่ตอบสนองคำสั่งนี้ ในขณะที่การเชื่อมต่อไม่ได้มีปัญหา) หรือบางทีปัญหาอาจเกิดกับ ISP ทีคุณใช้บริการ (ลิงค์ขาด, ซ่อมบำรุง ฯลฯ) ลองโทรสอบถามทางผู้ให้บริการ หรือเกิดกับเครือข่ายในบ้านคุณเอง (เราท์เตอร์ ได้ลาจากโลกไปแล้ว ถึงจะต่อเคเบิ้ล ตรงๆ ก็ยังเข้าเน็ตไม่ได้อยู่ดี แต่เพื่อนข้างบ้านที่ใช้ ISP เดียวกัน ท่องเน็ตฉลุย)
Company Related Link : http://www.arip.co.th
Description :

ที่มาของข่าว :http://www.arip.co.th/articles.php?id=407344

เวลาพิมพ์งาน ใส่กระดาษด้านไหน คว่ำหรือหงายกันแน่?


printer420
ปกติแล้วเครื่องพิมพ์ (Printer) ส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์รูปกระดาษพับมุม บอกกำกับเอาไว้อยู่แล้วว่าให้ใส่กระดาษอย่างไร
มุมกระดาษที่เห็นพับอยู่ ก็หมายถึง ด้านนั้นเป็นด้านบนของกระดาษ ส่วนหน้าที่เป็นเส้นขีดๆก็จะเป็นหน้าที่ถูกพิมพ์ออกมานั่นเอง
แบบที่ 1 ให้ใส่กระดาษ โดยด้านบนของกระดาษอยู่ไกลตัว และเอาหน้ากระดาษขาว(หน้าที่ต้องการพิมพ์) คว่ำลง
แบบที่ 2 ให้ใส่กระดาษ โดยด้านบนของกระดาษอยู่ใกล้ตัว และเอาหน้ากระดาษขาว(หน้าที่ต้องการพิมพ์) คว่ำลง
แบบที่ 3 ให้ใส่กระดาษ โดยด้านบนของกระดาษอยู่ไกลตัว และเอาหน้ากระดาษขาว(หน้าที่ต้องการพิมพ์) หงายขึ้น
แบบที่ 4 ให้ใส่กระดาษ โดยด้านบนของกระดาษอยู่ใกล้ตัว และเอาหน้ากระดาษขาว(หน้าที่ต้องการพิมพ์) หงายขึ้น
arip_qa_paper
Company Related Link : http://www.arip.co.th
Description :

ที่มาของข่าว :http://www.arip.co.th/tips.php?id=413032

เว็บไซต์ติดไวรัสมาได้ยังไงล่ะ? ถ้าโดนไปแล้ว จะแก้ปัญหายังไงดี?


web420
ปัญหาว่าเว็บมีอาการแปลกๆ เช่นจะมี code แปลกติดมาทุกหน้า
สาเหตุนั้นเกิดมาจากเว็บนั้นติดไวรัส (หรือโทรจัน)
แล้วในเว็บติดมาได้ยังไงล่ะ?
เมื่อคอมฯ ที่เราใช้งานติดไวรัส (หรือโทรจัน) จะมีไวรัสบางตัว ที่มีพฤติกรรมขโมยรหัสผ่านของ FTP ที่เราใช้ upload หน้าเว็บขึ้นไปเก็บใน hostเมื่อมันได้รหัสผ่านไปแล้ว มันก็สามารถที่จะต่อเข้าไปยัง host ด้วยรหัสผ่านของเรา จากนั้นก็เข้าไปแทรก script ไว้กับหน้าเว็บทำให้เว็บเรามี code แปลกปลอม
ถ้าโดนไปแล้ว จะแก้ปัญหายังไงดี?
กำจัดไวรัสในเครื่องให้หมด แต่ถ้าใช้ anti virus ในเครื่องเรา scan อาจตรวจไม่เจอเพราะไวรัสมันจัดการเครื่องเราซะงอมพระรามไปแล้วถ้าลำบากนักก็ format ทิ้งเลย ง่ายดี
  • เข้าไปไล่ลบ code ที่ถูกแทรก ทุกๆ หน้า (ทั้ง html, php, asp, jsp)
  • ให้เข้าไปที่หน้าจัดการระบบของ host นั้นๆ แล้วลบ FTP user account ให้หมด
  • จากนั้นสร้าง FTP user account ขึ้นมาใหม่ ควรจะให้ user name และ password ต่างจากเดิม
จะป้องกันไวรัสติดคอมฯ ได้ยังไงบ้าง?
  • ขยัน update ข้อมูลไวรัสให้ตัว anti virus และเปิดใช้งานไว้ด้วยนะ 
  • ใช้โปรแกรมจำพวก anti autorun เช่น Ardv (แนะนำเป็นการส่วนตัวเลย ตัวนี้โดนใจมาก) 
  • IE 6 เก็บเข้ากรุ เลิกใช้ได้เลย ถ้าเป็นไปได้ แนะนำ FireFox, Opera, Chrome, Safari
โปรแกรม browser ตัวอื่นๆ ที่เป็นหน้ากากครอบ IE ก็ไม่แนะนำให้ใช้พยายามอย่าใช้โปรแกรม crack ทั้งหลาย หันมาใช้พวก Open Source ดีกว่าหรือถ้ายังอยากใช้โปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ใช้เป็น serial ดีกว่า crack
Description :

ที่มาของข่าว : http://www.justusers.net/forum/index.php?topic=3211.0

เทคนิควิเคราะห์อาการเสียจากไบออส AMI


bios02

เทคนิควิเคราะห์อาการเสียจากไบออส AMI
    สำหรับจังหวะสัญญาณ Beep Code ของไบออส ยี่ห้อ AMI นั้นค่อนข้างมีส่วนคล้ายกับของไบออสยี่ห้อ Award อยู่พอสมควร เพราะจังหวะ สัญญาณนั้นฟังได้ง่ายไม่ซับซ้อนโดยแต่ละสัญญาณเสียงที่เป็นปัญหาหลัก ๆ จะมีความหมายดังนี้

จังหวะเสียง
ความหมาย
เสียงดัง 1 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของเมนบอร์ด อาจต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
เสียงดัง 2 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
เสียงดัง 3 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทำให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควรตรวจสอบแรม
เสียงดัง 4ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของชิพ Timmer อาจต้องเปลี่ยนชิพหรือเมนบอร์ดใหม่
เสียงดัง 5 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของซีพียู อาจต้องเปลี่ยนซีพียูใหม่
เสียงดัง 6 ครั้ง
แสดงว่ามี ปัญหาในส่วนของชิพควบคุมคีย์บอร์ดเสีย หรือไม่อาจเป็นที่ตัวคีย์บอร์ดเอง อาจต้องเปลี่ยนชิพ,เมนบอร์ด หรือคีย์บอร์ดใหม่
เสียงดัง 7 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนในส่วนของซีพียู อจต้องเปลี่ยนซีพียูใหม่
เสียงดัง 8 ครั้ง
แสดงว่ามี ปัญหาในส่วนของการ์ดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
เสียงดัง 9 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของไบออส อาจต้องเปลี่ยนไบออสใหม่
เสียงดัง 10 ครั้ง
แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการเขียน CMOS อาจต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
เสียงดัง 11 ครั้ง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนในส่วนของหน่วยความจำแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบนเมนบอร์ด
เสียงดังสั้น ๆ 2 ครั้ง เสียงดังยาว 1 สั้น 2 แสดงว่ามี ปัญหาในขั้นตอนการ Post ที่มีบางขั้นตอนไม่ผ่าน แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการ์แสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
เสียงดังยาว ๆ 1 ครั้ง แสดงว่าขั้นตอนการบูตเครื่องหรือขั้นตอนการ Post เป็นปกติ
Description :


ที่มาของข่าว : http://www.bcoms.net/problem_coms/ami.asp 

802.11ac ว่าที่มาตรฐานใหม่แห่ง WiFi กำลังใกล้เข้ามาแล้ว



328223-802-11ac-wi-fi
ในปัจจุบันการใช้ WiFi เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากปริมาณของอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และ WiFi Hotspot ที่มีให้ใช้งานมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะทำให้มันทำงานได้อย่างราบรื่นก็จะต้องมีมาตรฐานกลางใน การกำหนดและควบคุมรูปแบบการทำงาน ดังในปัจจุบันจะมีมาตรฐานที่เป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปอยู่ 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่ 802.11g และ 802.11n แต่ในช่วงปีหน้าเราน่าจะได้เห็นข่าวของ WiFi มาตรฐานใหม่นามว่า 802.11ac กันมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ คาดว่าเราน่าจะได้เริ่มเห็นการใช้งานจริงก็ในช่วงปลายปีหน้านู่นเลย จะยังไงก็ตาม เรามาทำความรู้จักกับ 802.11ac กันแบบคร่าวๆก่อนแล้วกันนะครับ
802.11ac ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของการรับส่งคลื่น ทำให้ได้ผลลัพธ์คือความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก รวมไปถึงระยะที่ไกลขึ้นและสามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีขึ้น โดยคุณสมบัติของ 802.11ac ต่างจาก 802.11g และ 802.11n ดังในตารางด้านล่างนี้
มาตรฐาน ความถี่คลื่น ความกว้างช่องสัญญาณ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ รองรับ MIMO
802.11g 2.4 GHz 25 MHz 54 Mb/s ไม่รองรับ
802.11n 2.4 / 5 GHz 40 MHz 600 Mb/s รองรับ (3)
802.11ac 5 GHz 80 / 160 MHz 6.93 Gb/s รองรับ (8)
*** MIMO = Multiple-Input Multiple-Output คือการใช้เสามากกว่า 1 เสาในการรับ/ส่งสัญญาณ ยิ่งเสามากก็ยิ่งแรงขึ้น
จากในตารางก็จะเห็นได้ว่ามีการปรับความ ถี่คลื่นไปใช้ที่ 5 GHz กันหมด จากที่ในปัจจุบันยังมีอยู่ 2 ความถี่กันอยู่ และยังมีการเพิ่ม bandwidth ขึ้นมาเป็น 80 กับ 160 MHz อีก จึงช่วยให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นมาก แต่ความเร็วสูงสุดที่อยู่ตารางนั้น จะต้องอยู่ในเงื่อนไขการใช้อุปกรณ์แบบสุดๆด้วยเช่นกัน นั่นคือตัว AP ส่งสัญญาณจะต้องมี 8 เสา และตัวรับสัญญาณจะต้องมี 2 เสาจำนวน 4 ชุดด้วยกัน จึงจะสามารถใช้งาน 802.11ac ได้ด้วยความเร็วเต็มที่ แต่กับการใช้งานของเราๆแบบทั่วไปน่าจะเป็นแบบตัว AP ส่งสัญญาณมี 2 เสา และตัวรับสัญญาณมี 2 เสาซะมากกว่า โดยความเร็วสูงสุดของ 802.11ac ที่จะสามารถใช้งานได้จะอยู่ที่
  • 867 Mb/s สำหรับความถี่คลื่น 80 MHz
  • 1.73 Gb/s สำหรับความถี่คลื่น 160 MHz
นอกจากความต่างในเรื่องของคลื่นที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ต่างกัน นั่นคือรูปแบบการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อจับใส่มากับคลื่นพาหะหรือที่เรียกเป็น ภาษาอังกฤษว่าการ modulation ซึ่งใน 802.11ac จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเปลี่ยนมาใช้ 256-QAM แทน 64-QAM ที่ใช้ใน 802.11n และยังมีเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ 802.11ac มีการพัฒนาขึ้น แต่คาดว่าเราคงไม่ค่อยได้สนใจเพราะมันไม่ค่อยอยู่ในชีวิตประจำวันซักเท่าไร ดังนั้นขอข้ามไปนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นเล็กเชอร์วิชา Network ไปซะก่อน
                   
802-11ac
ซึ่ง 802.11ac นี้ เราน่าจะได้พบกับมันพร้อมอุปกรณ์ในช่วงกลางค่อนไปทางปลายปีหน้านู่นเลย ดังนั้นไม่ต้องงรีบร้อน ใครมีแผนจะซื้ออุปกรณ์ใช้งาน WiFi 802.11n อยู่แล้วละก็ ซื้อไปได้เลยครับ เพราะกว่า 802.11ac จะเป็นที่นิยมก็อีกนานโขอยู่ทีเดียว

ที่มาของข่าว : http://notebookspec.com