เอาไว้เป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่ยังไม่ทราบครับ
กฎหมาย
ลิขสิทธิ์
ให้อำนาจแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ในการดำเนินการกับผู้ที่กระทำการละเมิดไว้
แต่ปัจจุบันนี้เจ้าของลิขสิทธิ์บางรายใช้อำนาจทางกฎหมายนี้หาประโยชน์เข้า
ใส่ตัวเอง
โดยใช้อำนาจทางกฎหมายออกไปจับกุมดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจประเภทร้าน
อาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิง
ที่ให้บริการฟังเพลงหรือร้องเพลงคาราโอเกะที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
เนื่องจากการกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง
เต็มที่
โดยเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการที่จะกระทำการใดๆ
แก่งานของตน เช่น ทำสำเนา ดัดแปลง หรือนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน เป็นต้น
ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลในเรื่องการคุ้มครองลิขสิทธิ์
และความตกลงระหว่างประเทศด้านลิขสิทธิ์ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
ดังนั้น
หากผู้ประกอบธุรกิจท่านใดนำงานเพลงไปเปิดให้บริการแก่ลูกค้าโดยไม่ได้รับ
อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็จะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถจับกุม
ดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดได้
อย่างไรก็ตาม การจะจับกุมดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ได้นั้น
เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนรับมอบอำนาจจะต้องไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่
ตำรวจก่อน โดยการเข้าจับกุมทุกครั้งจะต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เนื่องจากเจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนไม่อาจดำเนินคดีได้โดยลำพัง
เพราะฉะนั้น
หากใครที่ไม่ต้องการที่จะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีละเมิดลิขสิทธิ์
ก็ควรจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย คือ
ขอใบอนุญาตประกอบกิจการตามแต่ธุรกิจที่ตนดำเนินการอยู่ให้ถูกต้อง
และไม่ควรที่จะลืมการขออนุญาตใช้ลิขสิทธิ์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย
แต่เมื่อท่านเจอปัญหาตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรมีข้อปฏิบัติดังนี้
1.เมื่อตำรวจเข้าค้นและจับกุมลิขสิทธิ์ ท่านต้องตั้งสติให้ดี อย่าตื่นเต้นจนเกินไป
ติดต่อเพื่อนๆหรือ ญาติ ให้ชวนกันมาให้มากที่สุด ติดต่อผู้รู้ หรือนักกฎหมาย หรือโทรฯปรึกษาโดยทันที
2. ตรวจสอบเอกสารที่ตำรวจและทีมนำจับนำมา ซึ่งจะต้องมีเอกสารดังนี้
การเข้าค้น - ตามปกติต้องมีหมายค้น
เว้นแต่ค้นโดยไม่ต้องมีหมาย (กรณีละเมิดลิขสิทธิ์นี้ยากมาก
เพราะต้องผ่านการร้องทุกข์ รับมอบอำนาจ พนักงานสอบสวนจะสอบสวนเบื้องต้น ลง
ปจว.ก่อนเข้าค้น เสียก่อน) มีรายละเอียดและขั้นตอนปฏิบัติก่อนค้นพอสมควร
ใช้เวลา ปฏิบัติทันทีไม่ได้ ส่วนมาก ก็เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ต่างๆ
มอบอำนาจให้ บริษัทจัดเก็บบ้าง ผู้แทนบ้าน เข้าแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้
พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกำหมาย หากไม่มีหมายค้น มา
ก็ปฏิเสธไม่ให้เข้าค้นได้
มีอำนาจป้องกันและต่อสู้ขัดขวางเพื่อปกป้องทรัพย์และสถานที่ได้ด้วย
การจับ - จับตามหมายจับ หรือ จับด้วยเหตุที่ไม่ต้องมีหมายจับ คือ
จับขณะกระทำผิดซึ่งหน้า การจับแบบมีหมายก็ต้องผ่านขั้นตอนเหมือนข้อแรก
นำหมายจับมาแสดง หากท่านไม่ใช่เจ้าบ้าน ตำรวจต้องมีหมายค้นมาด้วย
หากท่านเป็นเจ้าบ้าน หรือ เป็นคู่สมรสมีทะเบียน
เป็นผู้ถูกจับก็ไม่ต้องใช้หมายค้น ใช้หมายจับแทนหมายค้นได้เลย หรือ
มีพฤติการณ์กระทำผิดแล้วกำลังจะหลบหนี ไม่สามารถออกหมายจับได้ทันท่วงที
แต่ต้องมีเหตุออกหมายจับได้ด้วย เขาก็จับได้โดยไม่ต้องมีหมาย อย่างไรก็ตาม
แม้ละเมิดลิขสิทธิ์จะเป็นผิดซึ่งหน้า แต่ก็ต้องผ่าน กระบวนการร้องทุกข์
มอบคดี สอบสวนเบื้องต้นมาพอสมควรก่อน ไม่ใช่จะเข้าไปได้เลยในทันที
การยืนยันชี้ให้จับกุมโดยอ้างว่าร้องทุกข์ด้วยวาจาไว้แล้ว
ยังไม่น่าจะเพียงพอสำหรับคดีลิขสิทธิ์ และสุ่มเสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าทื่
ของ ตำรวจ
หมายศาล ซึ่งเป็นหมายค้น ในหมายศาลจะต้องอ่านดูว่า วันที่ในหมายศาล
หมดกำหนดหรือยัง (เพราะโดยปกติ ศาลจะไม่ออกหมายศาลเป็นเวลาหลายๆวัน)
สถาน
ที่ให้เข้าค้น
ชื่อร้านถูกต้องหรือตรงกับร้านเราหรือไม่บ้านเลขที่ถูกต้องหรือตรงกับร้าน
เราหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ท่านปฏิเสธการเข้าตรวจค้น
ถ้ายังไม่ยอมจะเข้ามาในร้าน ให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ทันที
บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ,บัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ,บัตรประจำตัวผู้รับ
มอบ
อำนาจช่วง รูปในบัตรกับตัวจริงต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน
และตรงกับที่ระบุในหมายศาล
ท่านต้องยอมให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาในร้านได้แต่เฉพาะ
บุคคลที่มีรายชื่อในหมายศาลเท่านั้น
อ่านข้อกล่าวหาว่า มาค้นในเรื่องอะไร
เช่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ดูในรายละเอียดว่า ลิขสิทธิ์โปรแกรมซอฟแวร์อะไร
ลิขสิทธิ์เกมส์อะไรหรือลิขสิทธิ์เพลงอะไร เพื่อที่จะทราบในขั้นต้นว่า
เรามีโปรแกรม หรือซอฟแวร์อะไร ที่เขาจะตรวจค้นเราหรือไม่
ดูการมอบอำนาจว่าถูกต้องหรือไม่
โดยหนังสือมอบอำนาจจะต้องมีการมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์จนถึงผู้รับมอบ
อำนาจช่วงคนสุดท้ายโดยไม่ขาดสาย
และตรวจสอบหนังสือยืนยันความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
รวมทั้งตรวจสอบบัตรตัวแทนรับมอบอำนาจหรือหนังสือรับรองการเป็นตัวแทนรับมอบ
อำนาจที่ออกโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ตลอดจนบัตรประจำตัวประชาชนว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ที่ได้รับแต่ง
ตั้งให้เป็นตัวแทนหรือไม่
ถ้าตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่ถูกต้อง
ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นการแอบอ้างจับกุมดำเนินคดีละเมิด
ลิขสิทธิ์เพลง โดยที่ผู้จับกุมไม่มีอำนาจ แต่หากตรวจสอบแล้วถูกต้อง
ก็ต้องยอมรับในการที่จะถูกจับกุม
หากผู้ประกอบธุรกิจมีการกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์จริงการมอบอำนาจช่วง
ต้องไม่ขาดตอน ถ้าขาดตอนการมอบอำนาจก็ไม่ถูกต้อง
การค้นตามหมายศาลก็ไม่ถูกต้อง ท่านมีสิทธิที่ไม่ยอมให้ตรวจค้นได้
3. หลังการตรวจค้น ไม่ว่าจะพบหรือ ไม่พบการละเมิดลิขสิทธิ์
ไม่ควรเซ็นชื่อในเอกสารใดๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งให้ท่าน
ไม่ว่าจะเซ็นรับทราบ
หรือเซ็นยอมรับข้อกล่าวหาหรือเซ็นเพื่อยอมรับว่าไม่มีความเสียหายใดในการ
ตรวจค้นครั้งนี้ ก็ตามควรที่จะปรึกษาผู้รู้หรือนักกฎหมายเสียก่อน
4. ในกรณีไม่มีหมายค้นโดยอ้างว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า และ
/หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วท่านมี
สิทธิ์ปฏิเสธการตรวจค้นได้ทันที เพราะกฎหมายข้อนี้
คณะ
กรรมการกฤษฎีกาได้
มีความเห็นว่ากระทำไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา
ได้ตอบข้อหารือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
การกระทำดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้โดยรายละเอียดปรากฏตามหนังสือของสำนักงา
นกฤษฏีกา เรื่องเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖ โดยมีสาระสำคัญว่า
การตรวจค้นจับกุมดังกล่าวไม่เป็นข้อยกเว้นที่ให้อำนาจพนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ตำรวจจับได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลเนื่องจากมิใช่กรณีเป็นความผิด
ซึ่งหน้าหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นที่ให้จับได้ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย ซึ่งท่านสามารถนำไปอ้างอิง
และโต้แย้งกับผู้ที่มาตรวจค้นจับกุมได้
5. ในกรณีที่มีการพบการละเมิดลิขสิทธิ์
- กรณีที่ท่านมีเจตนาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
ก็
ควรเจรจากับตัวแทนหรือ ผู้รับมอบอำนาจของเจ้าของลิขสิทธิ์
(อย่าใช้ภาษากฎหมาย)
โดยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์การยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย
ไม่จำต้องยินยอมในวันที่ถูกจับ(ถ้าหากท่านสามารถประกันตัวในวันที่ถูกจับ
ได้) อาจจะยินยอมในวันต่อๆมา
หรือ อาจเปลี่ยนเป็นสู้คดีก็ได้
-กรณีที่ท่านไม่มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ท่านต้องเตรียมประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีต่อไป
6. การประกันตัว
- ปกติการประกันตัวหรือ ปล่อยชั่วคราว เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน หรือ
เจ้า
หน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ที่จะกำหนดวงเงินประกันตัวในกรณีการจับกุมร้านเน็ตและเกมส์
ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผ่านมามักจะกำหนดในวงเงิน 50,000 บาท ถึง
200,000 บาท แต่ปัจจุบันนี้
ผบ.ตร.ได้
มีหนังสือกำชับหน่วยงานของตำรวจให้
ปฏิบัติตามเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยได้ให้กำหนดจำนวนเงินในการประกัน
ตัวผู้ต้องหาด้วยเงินสด จำนวน 50,000 บาท(ห้าหมื่นบาทถ้วน)
ซึ่งถ้าหากเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนกำหนดเงินประกันเป็นเงินสด
สูงกว่า 50,000
บาทท่านมีสิทธิ์ที่จะสอบถามและขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งของผบ.ตร.
-การประกันตัวนี้หากท่านไม่สามารถหาบุคคลหรือเงินสดมาค้ำประกันในการปล่อย
ตัวชั่วคราวได้ท่านสามารถซื้อประกันอิสรภาพได้
ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายไม่มากนักซึ่งจะทำให้ท่านพ้นจากการเรียกเงินประกัน
จำนวนมากเพื่อบีบให้ยอมความโดยที่ท่านไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆเลย
รายละเอียดตามเวปไซท์ด้านล่างนี้
(จดหมายเลขโทรศัพท์ไว้ด้วยเพื่อจำเป็นต้องใช้ในยามจำเป็น) http://www.viriyah.co.th/customer/cust_product_misc_freedom.asp
7.ว่า
ถ้ามีอยู่ในเครื่องคอมของเจ้าของร้านทำไมถึงผิด
และเก็บไว้อย่างดีลูกค้าไม่มีทางหาเจอเป็นต้น
และแม้จะมีอยู่ในเครื่องลูกค้า ก็เป็นเรื่องที่ลูกค้าโหลดไว้
มิใช่เจ้าของร้านโหลดไว้ และทราบได้อย่างไรว่าเจ้าของร้านโหลดไว้
อันนี้เป็นข้อต่อสู้คดีนะครับ
8.ถ้า
ตำรวจผู้นั้นไม่ยอมรับฟัง หรือบอกว่าหัวหมอ
ก็ใช้ไม้ตายสุดท้ายคือสับสวิทย์ไฟลงทันที
และถ้าตำรวจบอกว่าต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ฯลฯ
ก็รีบให้ตำรวจแจ้งข้อหาและจับกุมเลยครับ
(เพราะมันไม่ผิดข้อหานี้เพราะตำรวจถ้าไม่มีหมายศาลแล้ว เมื่อปิดร้าน
ไม่มีอำนาจค้นแล้วครับ) เมื่อไม่มีอำนาจย่อมไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐาน
ต่อสู้หรือขัดขวางฯลฯ ถ้าถูกตำรวจถูกจับ คนที่จะซวย(ติดคุก)ก็คือตำรวจครับ
9.เมื่อ
ร้านเกมส์เป็นที่รโหฐานแล้ว หากแม้ตอนเข้ามาจะไม่ผิดบุกรุก
แต่เมื่อเจ้าของสถานที่บอกให้ออกไป ย่อมต้องออกไปนะครับ ถ้าไม่ออกผิดบุกรุก
ตาม ป.อ.มาตรา 364,365 แล้วแต่กรณี
http://www.rightsoftcorp.com/?name=news&file=readnews&id=34
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น