วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

ช่วงนี้ระวังไวรัส Facebook TAG กันด้วยนะครับ

แก้ไวรัส Facebook กำลังระบาด ณ ขณะนี้ มกราคม 2013

อาการ : มันจะ Tag เพื่อนใน Facebook เราไปมั่วเรื่อยๆครับ ภาพหน้าเว็บมัน

โค๊ด:
hxxp://xn--ii--youqq53b.tk



ถ้าเข้าเว็บมันมาแล้ว จะเจอกล่องให้ติดตั้งเยอะแยะไปหมด หลายๆคนกดออกไม่หมดเลย Install  ดังภาพ



หลังจากลงเส็ด แอพมันก็ทำงานหล่ะครับ เพื่อนเราโดน Tag กระจาย

วิธีแก้ พิมพ์ไปที่ URL ว่า

โค๊ด:
chrome://extensions/

จากนั้น จะเจอแอพสีแดงๆ ให้กดถังขยะ ลบมันออกไปครับ



เสร็จเรียบร้อยครับการลบไวรัสออกจาก Facebook

Cr.ตามรูป

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

อัพเดท iOS 6.1 เลือกคีย์บอร์ดไทยได้ทั้ง 3,4 แถวแล้ว

อัพเดท iOS 6.1 เลือกคีย์บอร์ดไทยได้ทั้ง 3,4 แถวแล้ว


          หลังจาก iOS 6 ได้เปลี่ยนคีย์บอร์ดภาษาไทยจากแบบ 3 แถวกลายเป็น 4 แถว ทำให้มีผู้ใช้หลายคนบ่นกันว่าพิมพ์ไม่ถนัด อยากได้แบบ 3 แถวเหมือนเดิมมากกว่า ล่าสุด ทางแอปเปิลได้สนองความต้องการแล้วด้วยการอัพเดท iOS 6.1 พร้อมนำคีย์บอร์ด 3 แถวกลับมาเหมือมเดิม

          วันนี้ (29 มกราคม) แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดท iOS 6.1 ที่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาทั้งหมด 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่

สามารถเลือกใช้คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 หรือ 4 แถวได้ (ยกเว้น iPad)
รองรับสัญญาณ LTE (4G) เพิ่มในบางประเทศ (ดูรายชื่อเครือข่ายที่รองรับได้ที่นี่)สามารถซื้อตั๋วชมภาพยนตร์จาก Fandango ผ่าน Siri ได้ (เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)ผู้ใช้ iTunes Match สามารถดาวน์โหลดเพลงจาก iCloud ได้โดยตรงเพิ่มปุ่มสำหรับรีเซตข้อมูลโฆษณา

          สำ หรับฟีเจอร์ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นการนำคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 แถวกลับมาเหมือนเดิมแล้ว (เฉพาะ iPhone และ iPod touch) ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกปรับได้ว่าต้องการใช้แบบ 3 หรือ 4 แถว (iOS จะเรียกเป็น 4 และ 5 แถว เพราะนับรวมแถวล่างสุดด้วย) โดยการเข้าไปเลือกปรับได้ที่ Settings > General > Keyboard > Keyboards > Thai > เลือก 5 Row หรือ 4 Row (สามารถเลือกใช้ทั้งสองแบบก็ได้)


อัพเดท iOS 6.1 เลือกคีย์บอร์ดไทยได้ทั้ง 3,4 แถวแล้วอัพเดท iOS 6.1 เลือกคีย์บอร์ดไทยได้ทั้ง 3,4 แถวแล้ว


          ทั้งนี้ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในอัพเดทใหม่นี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีผลกับผู้ใช้ชาวไทยสักเท่าไหร่ แต่หากท่านใดที่ใช้ iPhone หรือ iPod touch และต้องการใช้คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 แถวก็อย่ารอช้า เข้าไปอัพเดท iOS 6.1 กันได้เลย โดยการเข้าไปที่ Settings > General > Software Update จ้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เผย 10 อันดับ ประเทศที่มีอินเตอร์เนตเร็วสุดในโลก

เผย 10 อันดับ ประเทศที่มีอินเตอร์เนตเร็วสุดในโลก (อัพเดทใหม่ล่าสุด)
เปิดเผยข้อมูลประเทศที่มีความเร็วอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยเร็วที่สุดในโลก โดยได้อ้างอิงข้อมูลมาจากเว็บไซต์ทดสอบ ความเร็วเน็ตชื่อดังอย่าง Speedtest.net ข้อมูลที่ทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้นำมาเสนอนี้เป็นข้อมูลใหม่ล่าสุด
ที่มาของภาพประกอบ: refugeeks.com

ซึ่งผลสำรวจพบว่าประเทศฮ่องกงมีความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงสุดในโลก ถึง 44.30 Mbps รองลงมาเป็นประเทศสิงคโปร์ มีความเร็วเน็ต 39.07 Mbps ส่วนอันดับ 3 เป็นของญี่ปุ่น 37.27 Mbps

ส่วนประเทศไทยนั้นอยู่อันดับ 54 มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 10.28 Mbps ขยับตำแหน่งขึ้นมาจากเมื่อการสำรวจครั้งก่อน ซึ่งเราอยู่ในตำแหน่งที่ 59 ไทย 8.72 Mbps
และอันดับสุดท้ายที่ 179 เป็นของประเทศบอสวาน่า มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 1.08 Mbps เท่านั้น และอีกหนึ่งประเทศอย่าง คองโก มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 0.06 Mbps ไม่ถึง 1 Mbps

ความเร็ว อินเตอร์เนต เมื่อเดือนตุลาคม 55

1. ฮ่องกง 42.73 Mbp
2. อันดอร์รา 36.47 Mbp
3. เกาหลีใต้ 34.31 Mbp
4. ไต้หวัน 33.76 Mbp
5. สิงคโปร์ 33.61 Mbp
6. ลิทัวเนีย 33.49 Mbp
7. ญี่ปุ่น 33.46 Mbp
8. มาเก๊า 32.99 Mbp
9. เนเธอร์แลนด์ 30.16 Mbp
10. ลัตเวีย 28.36 Mbp
59. ไทย 8.72 Mbps
ที่มา: netindex.com

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

รวมข้อมูลของ iPhone 5s อัพเดทล่าสุด

รอบการเปิดตัวของ iPhone จาก Apple นั้น ตามปกติก็จะมีออกมาปีละหนึ่งรุ่นด้วยกัน ซึ่งในปี 2013 นี้ ก็แน่นอนว่าจะต้องมี iPhone มาดูดเงินจากกระเป๋าเราหนึ่งรุ่นแน่นอน โดยในขณะนี้คาดการณ์กันว่าชื่อของ iPhone รุ่นใหม่ในปี 2013 นี้ อาจจะใช้ชื่อว่า iPhone 5S ตามแบบแผนที่ Apple ทำมาตั้งแต่สมัย iPhone 3G - iPhone 3GS และ iPhone 4 กับ iPhone 4S
ซึ่งถ้า Apple ยังยึดแนวทางของผลิตภัณฑ์เป็นเช่นเดิมอยู่ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ iPhone 5S จะมีหน้าตาออกมาเหมือนกับ iPhone 5 แทบทุกกระเบียดนิ้ว แต่เน้นไปในทางการเปลี่ยนสเปก, โครงสร้างและฟีเจอร์ภายในมากกว่าภายนอก โดยสิ่งที่เราอาจได้เห็นใน iPhone 5S มีดังนี้

ชิปประมวลผลใหม่
มีความเป็นไปได้สูงที่ Apple จะใส่ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ นั่นคือ Apple A7 มาให้กับ iPhone 5S เนื่องจากในผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้า Apple เลือกที่จะเปิดตัวชิปประมวลผล Generation ใหม่ในไลน์ของ iPhone (A4 ใน iPhone 4 และ A5 ใน iPhone 4S) ส่วนชิปรุ่นอัพเกรดจะไปอยู่ใน iPad (A5X ใน iPad 3 และ A6X ใน iPad 4) ดังนั้นเราจึงน่าจะได้เห็นชิป A7 ใน iPhone 5S แน่ๆ
ซึ่งตัวเทคโนโลยีของชิป A7 นั้น ยังไม่มีข่าวคราวออกมามากเท่าไร จะเป็นข่าวคราวเรื่องโรงงานผลิตมากกว่า เพราะมีความเป็นไปได้ว่า Apple อาจจะไม่จ้าง Samsung ผลิตชิปประมวลผลให้ในอนาคต แต่ถ้าให้คาดการณ์สเปกของชิปประมวลผลใน iPhone 5S ก็พอจะเดาว่าอาจจะยังคงเป็นชิป Dual-core อยู่ เพราะแค่ชิป A6 ในขณะนี้ก็มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว เกมก็ยังรันได้อย่างไหลลื่นอยู่ ซึ่งในเรื่องของชิปประมวลผลนี้ เราน่าจะได้เห็นข่าวเพิ่มขึ้นในช่วงกลางปีครับ

ดีไซน์คงเดิม แต่อาจมีสีสันเพิ่มขึ้น
จากการทดลองให้ iPod Touch Gen 5 มีสีสันตัวเครื่องให้เลือกหลายสีมาแล้ว ก็มีนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า iPhone 5S อาจจะมาพร้อมตัวเครื่องให้เลือกหลากหลายสีสัน นอกเหนือไปจากขาวและดำที่มีอยู่ในตอนนี้ ส่วนรูปร่างหน้าตาส่วนต่างๆ ภายนอกก็น่าจะคงไว้แบบเดิม โดยเฉพาะขนาดหน้าจอที่น่าจะยังคงไว้ที่ระดับ 4 นิ้ว เนื่องจาก Apple ให้เหตุผลในการตั้งขนาดหน้าจอไว้เช่นนั้นว่า เป็นขนาดที่กำลังพอดีๆ สำหรับการใช้งานด้วยมือข้างเดียว เราจึงไม่น่าจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนจอใน iPhone 5S แต่อาจจะมีการปรับปรุงเรื่องของพื้นผิว ที่ปัจจุบันมีปัญหาเป็นรอยขูดลอกกันเยอะ โดยเฉพาะเครื่องสีดำที่บางรายพบปัญหามาตั้งแต่แกะกล่องเปิดเครื่องครั้งแรก เลย จนเกิดเสียงบ่นเป็นอย่างมากกับปัญหาดังกล่าวและหวังว่า Apple จะปรับปรุงในจุดนี้ให้ดีขึ้น

อาจมีขนาดเครื่องให้เลือกมากกว่าปัจจุบัน
เรื่องของ iPhone รุ่นเล็กนั้น มีการพูดถึงมานานมากแล้ว แต่เท่าที่ผ่านมา Apple ก็ยังคงยึดมั่นที่จะวางจำหน่าย iPhone ที่มีขนาดจอเดียวมาตลอด แล้วใช้ลดราคารุ่นเก่าเพื่อขายในตลาดราคาไม่สูงแทน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันที่ Apple กำลังเสียส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนในตลาดโดยรวมให้กับ Android จึงมีความเป็นไปได้ที่ Apple อาจจะเลือกซอยรุ่น iPhone มากขึ้น เหมือนที่สร้างไลน์สินค้าใหม่อย่าง iPad mini ขึ้นมา
ดังนั้น เราอาจจะได้เห็น iPhone 5S รุ่นหน้าจอเล็กกว่า 4 นิ้วมาให้ใช้งานกันก็เป็นไปได้
อัพเดตล่าสุด : Phil Schiller ให้สัมภาษณ์ว่า Apple จะไม่ส่ง iPhone รุ่นเล็กลงตลาดแน่นอน !!

iPhone 5S อาจมาพร้อมพาเนลจอแบบใหม่
ใน iPhone 5 รุ่นปัจจุบันนั้น Apple เลือกใช้พาเนลจอที่มีการจัดเรียงเลเยอร์ภายในแบบ In-Cell Display ซึ่งออกแบบมาให้ส่วนของเซ็นเซอร์รับสัมผัสจากผู้ใช้ฝังอยู่ในเนื้อเดียวกับ กระจกจอ ส่งผลให้จอมีขนาดและน้ำหนักที่ลดลงจากรุ่นก่อนมาก แต่ก็มีปัญหาตามมา คือเรื่องการสกรอลหน้าจอ ที่ถ้าหากผู้ใช้เลื่อนจอแบบรัวๆ เร็วๆ บางครั้งเซ็นเซอร์รับสัมผัสจะหยุดทำงานไป
ทำให้มีข่าวลือว่า Apple จะเปลี่ยนชนิดของพาเนลหน้าจอใน iPhone 5S ไปเป็นแบบ Touch-On-Display ที่ยังคงใช้การจัดเรียงเลเยอร์ภายในคล้ายๆ กับตัว In-Cell Display แต่มีการปรับโครงสร้างภายใน ทำให้ไม่เกิดปัญหาที่เกิดกับจอ iPhone 5 ส่วนเรื่องความบางและน้ำหนักของตัวจอนั้นก็ใกล้เคียงกับจอแบบ In-Cell Display จนสามารถใช้แทนกันได้อย่างสบายๆ

NFC ที่น่าจะมาอยู่ใน iPhone ซะที
หนึ่งในข่าวลือที่มีมาตั้งแต่ก่อนเปิดตัว iPhone 5 ก็คือเรื่องของการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี NFC ที่เก็งกันว่า Apple น่าจะใส่มาใน iPhone 5 แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นแค่อีกหนึ่งข่าวลือที่ไม้ใช่เรื่องจริง โดยสาเหตุน่าจะเนื่องมาจากความนิยมการใช้งาน NFC ที่ยังไม่สูงมากนัก บรรดาร้านค้าต่างๆ ก็ยังไม่ได้เปิดใช้งาน NFC อย่างจริงจัง ทำให้ที่ผ่านมา Apple ยังไม่พิจารณาที่จะใส่ NFC ลงมาในอุปกรณ์ของตน
ซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องมีการนำกลับมาลืออีกครั้งใน iPhone 5S ว่า Apple จะเลือกใส่ชิปและเปิดตัวฟีเจอร์ NFC ใน iPhone 5S เนื่องด้วยความพร้อมของฝั่ง Apple เอง ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Passbook ที่ดูแล้วน่าจะเหมาะกับการใช้งาน NFC มากๆ รวมไปถึงสิทธิบัตรของ Apple เองในการนำ NFC มาติดตั้งและใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของตนหลายๆ ชิ้น จึงเป็นที่คาดการณ์กันว่าเราน่าจะได้เห็น NFC อยู่ใน iPhone 5S
ส่วนข่าวอัพเดตอื่นๆ สามารถติดตามอ่านต่อได้จากด้านล่างนี้ครับ รับรองว่าเรามีมาอัพเดตกันเรื่อยๆ แน่นอน

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

มือถือ Firefox OS ดัน"เว็บแอพ"ฉลาด

มอสซิล่า (Mozilla) กำลังพยายามจะเข้าใกล้ผู้บริโภคอีกขั้นหนึ่งที่ลึกซึ้งกว่าการเป็นแค่แอพบ ราวเซอร์บนสมาร์ทโฟน แต่มันกำลังจะทำหน้าที่เป็นระบบปฏิบัติการของมือถือเฉกเช่นเดียวกับ Android ไปเลย โดยบริษัทในสเปนชื่อว่า Geeksphone (ทำงานร่วมกับ Telefonica) ประกาศว่า จะส่งมอบมือถือ Firefox ต้นแบบสำหรับนักพัฒนาในเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้

รายละเอียดของมือถือ Firefox ในเบื้องต้นจะมีสองรุ่นเป็นมือถือ 3G ที่มาพร้อมกับชิปเซต Qualcomm Snapdragon โดยรุ่นแรกชื่อว่า Keon จะเป็นมือถือโลว์เอ็นด์ที่มีขนาดหน้าจอสัมผัส HVGA ขนาด 3.5 นิ้ว กล้องหลัง 3MP สตอเรจในเครื่อง 4GB และหน่วยความจำ (RAM) 512MB ส่วนอีกรุ่นหนึ่งชื่อว่า Peak จะเป็นรุ่นสูงกว่า โดยมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส qHD ขนาด 4.3 นิ้ว กล้องหน้า 2MP และกล้องหลัง 8MP พร้อมแฟลช ส่วนสตอเร และหน่วยความจำเท่ากัน ทั้งสองรุ่นจะมีช่องเพิ่มการ์ดหน่วยความจำ microSD เชื่อมต่อเน็ตไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11n เซ็นเซอร์พื้นฐานสมาร์ทโฟน GPS ในส่วนของแบตฯ Keon จะมีขนาด 1580 mAh และ Peak จะใช้แบตฯขนาด 1800 mAh
จะ เห็นได้ว่า สเป็กของมือถือทั้งสองรุ่นเทียบไม่ได้กับสมาร์ทโฟนรุ่นท้อปในตลาดได้เลย แต่นั่นคือประเด็น เนื่องจาก Mozilla ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้กับ Apple และ Google โดยตรงด้วยการพุ่งเป้าไปที่ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งสมาร์ทโฟนยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทั้งนี้ Firefox OS เป็นระบบปฏิบัติการโมบายที่ใช้มาตรฐาน Open Web โดยนอกจากจะสามารถรันเว็บแอพฯผ่านบราวเซอร์ Firefox บนมือถือได้แล้ว มันยังยอมให้นักพัฒนาสร้างเว็บแอพบน Firefox Marketplace ที่สามารถติดตั้งบนมือถือ Firefox ได้แบบเดียวกับแอพฯ จริงๆ พูดง่ายๆ ก็คือ เว็บแอพที่พัฒนาด้วย HTML5 สำหรับใช้รันบน Keon หรือ Peak จะสามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์ เพื่อสั่งให้โทร ส่งข้อความ หรือเข้าถึงข้อมูล GPS ได้ ซึ่งจะเห็นว่า ไม่เพียงแต่สเป็กเครื่องที่หลบคู่แข่งยักษ์ใหญ่แล้ว แนวคิดในการพัฒนายังตรงข้ามอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

สัญญาณ 3G กับ H+ ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของ 3G,H,H+,E และ G ที่ขึ้นสัญลักษณ์บนมือถือหรือแท็บเล็ต

อาทิตย์ที่ผ่านมา ทดสอบ 3G ของโทรศัพท์มือถือเครือข่าย Dtac ที่แถว ๆ ชุมพร ปกติโทรศัพท์ทั่วไปมันขึ้นสัญลักษณ์ 3G แต่เจ้า galaxy tap มันขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ตัว H แล้วบางครั้งก็สวิงเป็น 3G มาให้เห็นแว๊บ ๆ แล้วกลับไปอยู่ที่ตัว H ใหม่ ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นที่เครื่องมันไม่รองรับ 3G ของเครือข่าย dtac หรือเปล่านะ เลยมานั่งหาข้อมูล ได้ความมาว่าเจ้า H ที่โชว์ที่เครื่องเรานั้น สัญญาณมันแรงกว่า 3G อีก โอ้ววว

3G,H,H+,G และ E เป็นสัญลักษณ์ของการรับส่งข้อมูลบนเคลือข่ายโทรศัพท์แต่ละสัญลักษณ์ก็จะมีความเร็วสูงสุดที่ต่างกัน (ขอ ใช้คำว่าความเร็วสูงสุด เพราะสัญลักษณ์ต่างกันจริงแต่ความเร็วอาจไม่ต่างกันขึ้นอยู่กับสัญญาณ โทรศัพท์ของแต่ละพื้นที่ด้วยและอาจมีปัจจัยของผู้ให้บริการด้วย)



“G” แสดงว่าจับสัญญาณ GSM แบบ GPRS ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 48 Kbps

“E” แสดงว่าจับสัญญาณ GSM แบบ EDGEความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 236 Kbps

“3G” แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ได้แล้วแต่รองรับความเร็วสูงสุดในดาวน์โหลดอยู่ที่ 384 kbps เท่านั้น

“H” แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA “High Speed packet access” ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็วตั้งแต่ 7.2 Mbps, 10.2 Mbps, 14.4 Mbps สูงสุด ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

“H+” แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA+ “High Speed packet access Plus” ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็วตั้งแต่ 21 Mbps และสูงสุดที่ 42 Mbps ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

สรุป H+ เร็วที่สุด G ช้าสุด


และได้ความรู้ใหม่เพิ่มมาว่า โดยปกติถ้าเราจะปรับตั้งค่าเครื่องให้จับ 3G ได้นั้นต้องปรับตั้งค่าไว้ที่ GSM/WCDMA ซึ่งเจ้าตัวนี้มันเป็นตัวที่ทำให้สัญญาณไม่นิ่ง เราเลยเห็น 3G กับ H สลับกันไปมาในบางครั้ง

กรณีที่เราต้องการให้ทำให้เป็น 3G ตลอด (มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทาง) แต่ด้วยตัว Hardware มันมีโหมดอยู่แค่ 2 โหมด คือ 2G - GSM และ 3G - WCDMA

ซึ่งถ้าลองดูใน Setting ของเครื่องในมือถือส่วนการใช้งาน data > network จะมีให้เลือก และปกติจะอยู่ที่โหมด GSM/WCDMA (แบบออโต) คือ เพื่อให้เครื่องทำการจับและเลือกสัญญาณที่ดีที่สุดของพื้นที่นั้นๆ (อาจจับได้ 3G หรือไม่ได้ก็ลงมาที่ E > G ทำนองนี้)

หากต้องการใช้ 3G เป๊ะๆ เลย อย่างเดียวเลย ก็ปรับไปเป็น WCDMA   แต่ก็มีหลายคนบอกว่า จะเสถียรกว่าการใช้แบบ auto mode
แต่ หากจะให้เครื่องมันขึ้น H / 3.5G หรือ H+ / 3.9G หรือ 3G อย่างเดียวนั้น ขึ้นอยู่ที่ตัว hardware ของเครื่องอย่างเดียว... เช่น ถ้าใช้ Samsung Wave ... ต่อให้ใช้ 3G ยังไง มันก็ 3G เพราะ hardware มันมีได้แค่นี้ ... ส่วน Galaxy Tab นั้นจะมีสลับกันบ้าง ระหว่าง H และ 3G ... ซึ่งปกติ ตอนนี้เครื่องใหม่ๆ ที่มา มันไปถึง H+ เลยทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

สาวก iPhone เตรียมอัพเดท iOS 6.1 ที่มาพร้อมแป้นพิมพ์ภาษาไทย 3 แถวได้เร็วๆนี้


ใกล้ถึงเวลาเตรียมการอัพเดทกันอีกครั้ง สำหรับสาวก Apple ที่กำลังรอคอย iOS เวอร์ชั่นล่าสุด iOS 6.1 กันอยู่ เพราะล่าสุดได้มีรายงานข่าวลือออกมาจากแหล่งข่าววงในที่เผยว่า ขณะนี้ Apple กำลังทำการทดสอบระบบปฎิบัติการ iOS 6.1 ในเวอร์ชั่น Beta ครั้งสุดท้าย ซึ่งคาดว่าเป็นเวอร์ชั่น Golden Master Build และนั่นหมายความว่าในเร็วๆนี้ Apple จะทำการปล่อย iOS 6.1 ให้กับผู้ใช้งานทั่วไปได้ทำการอัพเกรดกันอย่างแน่นอน
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอข่าวการอัพเดท รวมไปถึงข่าวลือของฟีเจอร์ใหม่ๆที่จะมาบน iOS 6.1 มาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ความสามารถของ Siri ที่จะสามารถสั่งซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ได้ , การตั้งค่าคำถาม คำตอบเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน iCloud สำหรับการใช้งานครั้งแรก , การส่งรายงานปัญหาการใช้งานแผนที่บน iOS 6.1 , การปรับปรุงในส่วนของ Music control ให้สามารถใช้งานบนหน้า lock screen ได้ง่ายยิ่งขึ้นเป็นต้น ส่วนสำคัญของสาวกชาวไทยคือการกลับมาของแป้นพิมพ์ 3 แถวที่หลายคนเคยชิน
อย่างไรก็ตาม iOS 6.1 นี้จะสามารถรองรับการใช้งานได้กับ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3GS ไปจนถึง iPhone 5 , iPad mini , iPad 2 , new iPad และ new iPad with Retina Display และ iPod touch gen 4 และ gen 5
อ้างอิงจาก - phonearena
http://www.flashfly.net/wp/?p=44316

iOS 6 vs iOS 5 : เทียบกันชัดๆ แบบจุดต่อจุด User Interface บน iOS 6 ต่างจาก iOS 5 อย่างไร? [Update]


[12-มิถุนายน-2555] หลังจากที่ได้เห็นความสามารถใหม่ของ iOS 6 จาก บทความเจาะลึกฟีเจอร์ iOS 6 กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่า iOS 6 มีฟีเจอร์การใช้งานในหลายส่วนที่เปลี่ยนแปลง และน่าใช้มากทีเดียวครับ ซึ่งนอกจาก iOS 6 จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแล้ว ในส่วนของ User Interface หรือ หน้าตาของ iOS 6 นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก iOS 5 บ้างเหมือนกัน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดบ้าง เราจะมาทำการเปรียบเทียบในแต่ละจุด ให้ดูกันครับ
เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่าง iOS 5 และ iOS 6
iOS 5
iOS 6
เริ่มกันที่หน้า Lock screen กันก่อน จะเห็นได้ว่า ในหน้า Lock screen บน iOS 6 ไอคอนรูปกุญแจ (ตรงกลางด้านบน) ได้หายไปแล้ว
iOS 5
iOS 6
ในส่วนของการรีเฟรชอีเมลมาใหม่ iOS 5 นั้น เป็นไอคอนรีเฟรชด้านล่างซ้าย ส่วน iOS 6 จะเป็นการดึงจากบนลงล่าง เพื่อทำการรีเฟรช นอกจากนี้ แถบบาร์ด้านบน เปลี่ยนเป็นสีโทนฟ้าน้ำทะเล แทนที่สีเงินแบบเดิม
iOS 6
นอกจากนี้ บน iOS 6 สามารถเพิ่มรูป หรือวิดีโอได้จากหน้าเขียนอีเมลใหม่แล้ว แต่สามารถเพิ่มได้ครั้งละ 1 รูปครับ
iOS 5
iOS 6
Interface ของแอพพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปนั้น ได้มีการเปลี่ยนแถบบาร์ด้านล่าง จากสีเงิน เป็นสีดำ
iOS 5
iOS 6
ในส่วนของ Camera Roll นั้น ได้เพิ่มปุ่ม Photo Stream เข้ามา ซึ่งจะต้องเปิดใช้งาน Photo Stream ก่อนในหน้า Settings ครับ
ไอคอน Maps มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนจาก Google Maps มาเป็น Apple Maps นั่นเอง ส่วน YouTube ถูกตัดออกจากแอพพลิเคชั่นมาตรฐานครับ
iOS 5
iOS 6
User Interface ของ Safari นั้น ได้มีการเปลี่ยนสีแถบบาร์ด้านบน จากสีเทา เป็นสีดำ
นอกจากนี้ การใช้ Safari ในแนวนอน จะสามารถเปิดหน้าเว็บนั้นๆ แบบ Full screen ได้ โดยกดที่ปุ่มลูกศรขยาย มุมล่างขวา
iOS 5
iOS 6
นอกจากนี้ ยังสามารถแชร์หน้าเว็บเพจได้ ทั้งผ่านทาง อีเมล, Messages, Twitter หรือ Facebook รวมถึงสั่งพรินต์, Copy, Bookmark, เพิ่มในรายการ Reading List และเพิ่มเป็นไอคอนในหน้า Home Screen
iOS 5
iOS 6
ในส่วนของไอคอน Bookmarks นั้น มี iCloud Tabs เพิ่มเข้ามา
iOS 5
iOS 6
Game Center ได้มีการเพิ่มปุ่ม Challenges
iOS 5
iOS 6
ในส่วนของการใช้งานโทรศัพท์นั้น ได้มีการเปลี่ยน UI ใหม่ จากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน แต่ความเห็นส่วนตัวคือ แบบเก่าดูสวยกว่านะครับ
iOS 5
iOS 6
Notification Center สามารถทวีตข้อความลง Twitter และโพสข้อความลง Facebook ได้โดยตรงจากส่วนนี้ โดยที่ไม่ต้องเข้าแอพพลิเคชั่นเพื่อทำการโพสครับ อย่างไรก็ดี ส่วนนี้จะสามารถโพสข้อความได้อย่างเดียว ไม่สามารถดู Feed ได้ครับ ถ้าหากต้องการจะดู Feed ก็ต้องกดเข้าไปในตัวแอพพลิเคชั่นเหมือนเดิม
iOS 5
iOS 6
หน้า Settings ได้มีการเพิ่มส่วนของ Do Not Disturb เข้ามา ส่วนบาร์ด้านบน มีการเปลี่ยนสีเล็กน้อย
iOS 5
iOS 6
ในส่วนของ App Store นั้น ได้มีการ re-design เล็กน้อยครับ โดยเปลี่ยนจากพื้นหลังสีเทาเข้ม เป็นสีเทาอ่อน ดูสว่างขึ้น ในส่วนของแท็บ Featured นั้น เปลี่ยนจากการเลื่อนจากบนลงล่าง เป็นจากซ้ายไปขวา
iOS 5
iOS 6
ส่วนเมนู Top 25 นั้น ได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Top Charts และสามารถดูได้ 3 หมวดเหมือนเดิมครับ Paid, Free และ Grossing ส่วนการใช้งานบน iOS 6 นั้น จะเลื่อนจากซ้ายไปขวาแทน
iOS 5
iOS 6
นอกจากนี้ iOS 6 ยังได้มีการปรับคีย์บอร์ดภาษาไทยให้เป็น 4 แถว จากเดิม 3 แถว ซึ่งการใช้งานในแนวตั้งนั้น อาจจะใช้งานยากซักเล็กน้อยครับ เนื่องจากระยะห่างระหว่างปุ่มนั้นน้อยมาก คนที่นิ้วใหญ่คงจะกดลำบากซักหน่อย แต่ถือว่า ใช้งานได้สะดวกขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
สำหรับด้านบนนั้น เป็นการเปรียบเทียบ User Interface ระหว่าง iOS 5 กับ iOS 6 แบบคร่าวๆ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้น ชื่นชอบคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถวครับ เนื่องจากพิมพ์ได้สะดวกขึ้นมาก แต่น่าเสียดายที่ปุ่มกดมีขนาดเล็กไปซักเล็กน้อยครับ ซึ่งส่วนที่ไม่ชอบบน iOS 6 คงจะเป็นหน้าโทรออก ที่เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน ความรู้สึกส่วนตัวคือ ชอบแบบเก่ามากกว่าครับ เพราะสีเข้มแบบเดิมจะให้ความรู้สึกที่เป็นมิติมากกว่า
[UPDATE : 18 กันยายน 2555] ในส่วนของกำหนดการอัพเดท iOS 6 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ทาง Apple ได้ประกาศออกมาแล้วว่า สามารถอัพเดทได้ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งอุปกรณ์ที่สามารถอัพเดทได้นั้น ได้แก่
- iPhone 3GS
- iPhone 4
- iPhone 4S
- iPad 2
- The new iPad (iPad 3)
- iPod Touch gen 4



---------------------------------------
บทความโดย : techmoblog.com